วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รีวิว Huawei Ascend Mate 7: ผิดแผกแบบไม่แตกแยก?

Huawei Ascend Mate 7 ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงของ Huawei ที่เข็นออกมาในช่วงปลายปี จุดเด่นคงอยู่ที่หน้าจอใหญ่พร้อมทั้งมีขนาดที่บาง ตลอดจนถึงเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใส่มาโข ทั้งหมดมีการออกแบบที่ให้ความรู้สึก พรีเมียม อย่างมาก
เนื่องด้วยเคยมีลองจับไปแล้ว ในการรีวิวครั้งนี้จึงไม่เน้นตัวเครื่องมากนัก เท่ากับประสบการณ์ในการใช้จริงๆ สเปคสามารถอ่านเอาจากข่าวเก่าได้ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปอ่านกันเลยครับ
คำเตือน ภาพเยอะแยะมาก โปรดใช้วิจารณญาณก่อนเปิดบนอุปกรณ์พกพา
Ascend
Back,

ตัวเครื่อง

หน้าตาของ Huawei Ascend Mate 7 เป็นไปตามกาลเวลานิยมของโทรศัพท์ในปัจจุบันที่เน้นจอใหญ่ ขอบเหระบือน้อยๆ เน้นการออกแบบพร้อมกับใช้วัสดุที่ทำให้รู้สึกถึงความพิเศษ (premium) ของเครื่อง เพราะว่า Ascend Mate 7 (ในที่นี้จักย่อเป็น Mate 7 เพื่อความง่ายต่อการเข้าใจ) ใช้วัสดุเป็นเหล็กกล้า (stainless steel) ในการครอบเครื่อง ให้ความรู้สึกที่ดีในการจับเครื่อง (เช่นเคย ตามยุคนิยม) ทั้งหมดมาพร้อมกับความบางที่บางมาก
Front
ด้านบนของเครื่องเป็นไมโครโฟนด้วยกันรูเสียบหูฟัง
Top
ด้านล่างมีไมโครโฟนอีกตัวหนึ่งกับช่อง Micro USB
Bottom
ขวามือของเครื่องมีปุ่มเปิด/ปิด พร้อมด้วยปุ่มปรับเสียง
Right
ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมด้วยกัน microSD
Left
ด้านหลังของเครื่อง มีกล้องและตัวอ่านลายนิ้วมืออยู่
Back
ผมทำการวัดประสิทธิภาพของเครื่องด้วย Antutu Benchmark แล้ว ได้ผลออกมาตามภาพนี้
 Compared
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Mate 7 ใช้หน่วยประมวลผล Kirin ของทาง Huawei เอง ซึ่งมีหน่วยประมวลผลมากถึงแปดแกน
 CPU-Z

ซอฟต์แวร์และการใช้งานแน่นอนในชีวิตประจำวัน

Mate 7 มาพร้อมกับ Android 4.4.2 ที่ถูกปรับแต่งพร้อมทั้งครอบด้วยส่วนการใช้งานที่เรียกว่า EMUI ซึ่งทาง Huawei ปรับแต่งจนทำให้ผมมึนงงไปชั่วขณะ เพราะวิธีการใช้งานรอมของ Huawei นี้ คล้ายคลึงกับ iOS อย่างมาก เพราะเฉพาะแนวคิดการที่ไม่มี App Drawer ไม่ก็จุดรวมแอพ แบบเดียวกับ Android อื่นๆ (เวลาติดตั้งก็วางลงไปในหน้าจอเลย) นอกจากนั้นแล้วยังไม่เป็นได้ใช้ Launcher ตัวอื่นแทนได้เลย ทำให้เป็นสภาวะกึ่งบังคับในการใช้รอมของทาง Huawei เอง
homescreen 
 Screenshot_2014-11-12-19-13-12
ด้วยความที่ Mate 7 มีขนาดใหญ่ ทำให้การใช้งานมือเดียวลำบาก ทาง Huawei จึงใส่โหมดการทำงานด้วยมือเดียวเข้ามา ตราบผู้ใช้เปิดใช้งาน ถ้าสมมติต้องการทำงานอย่างเช่นพิมพ์ข้อความ หรือว่ากดปุ่มเสมือนบนหน้าจอ ก็แค่ตะแคงเครื่องไปด้านที่ต้องการ ปุ่มด้วยกันแป้นพิมพ์จักไปกองกันอยู่ด้านที่ผู้ใช้ถนัด (แต่ผมลองแล้วไม่ชอบ เลยปิดไป) นอกจากนั้นแล้ว ผู้ใช้ยังอาจจักเปลี่ยนลักษณะของเครื่อง (theme) ได้ตามที่ต้องการด้วย
Theme 
สิ่งที่หงุดหงิดกับน่ารำคาญของ EMUI ที่มาใน Mate 7 นอกเหนือจากการไม่อาจจักปรับแต่งอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยการเปลี่ยน launcher แล้ว ยังเป็นเรื่องของการมีแอพที่ซ้ำซ้อน ตัวอย่างเช่นเว็บเบราว์เซอร์ที่มีทั้งของระบบกับ Chrome สองอันอยู่ในเครื่องเดียว ซึ่งไม่มีความจำเป็น (พร้อมกับควรอาจปิดการใช้งานตัวใดตัวหนึ่งได้ แต่ที่ประลองกลับทำไม่ได้)
 Wifi
นอกจากนั้นแล้วคงเป็นเรื่องของข้อความ SMS ที่เด้งขึ้นมาเป็น dialog ทับหน้าจอเอาไว้ ซึ่งน่ารำคาญมาก เพราะว่าเฉพาะในเวลาที่กำลังทำงานสำคัญ อย่างไรก็ตามก็มี dialog ที่ยังพอมีประโยชน์บ้าง อย่างเช่นเวลาปิด Wi-Fi ของเครื่อง แล้วจักไปใช้อินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์ ก็จักมีขึ้นแจ้งเตือนว่าต้องการดำเนินการต่อไม่ก็ไม่
 Power
เรื่องของแบตเตอรี่ Mate 7 ถือว่าใช้งานได้ดีและยาวนาน (แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ อย่าง Ingress เครื่องก็จะร้อน) รวมถึงมีโหมดประหยัดพลังงานที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นสีขาวดำ พร้อมด้วยทำงานได้ไม่ต่างจากฟีเจอร์โฟนทั่วไป ทำให้ยิ่งใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น (ผมไม่ได้วัดนักจังว่าเท่าไหร่ แต่ไม่ต้องชาร์จ 2 วัน ใช้งานปานกลาง ศักยอยู่ได้เป็นปกติ
 
นอกเหนือจากนั้น Huawei ยังใส่แอพต่างๆ เพิ่มเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายอันก็มีประโยชน์ แต่หลายอันก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้งานเป็นแน่แท้มากนัก คงขอข้ามๆ ไปในที่นี้ อย่างไรก็ตาม Mate 7 มาพร้อมกับตัวอ่านลายนิ้วมือซึ่งเป็นได้ใช้งานในการเปิดเครื่องได้ เพราะว่าไม่ต้องกดปุ่มเปิดปิดแบบ iPhone แม้แต่น้อย ถือว่าสะดวกมาก นอกจากนั้นแล้วยังอาจใช้งานได้แทบจะทุกท่า กล่าวคือ ต่อให้วางนิ้วในตำแหน่งใด แค่ขอให้ลายมือตรงเป็นอันใช้ได้ (แบบเดียวกับ iPhone) ซึ่งถือว่าดีมากและใช้งานได้ครัน รองรับสูงสุด 5 นิ้วด้วยกัน เพราะเก่งตั้งค่าให้เข้าถึงส่วนแอพบางอย่าง หรือไม่เนื้อหาส่วนตัวที่ไม่ใคร่ได้ให้ใครเข้าถึงก็ได้ (ตัวอย่างเช่น ข้อมูลหรือไม่แอพทางการเงิน เป็นต้น)
Fingerprint 
เพราะว่ารวมๆ ถือว่าใช้ได้ดีครับ อย่างไรก็ตามเรื่องของซอฟต์แวร์ยังคงเป็นปัญหาชวนหงุดหงิด (มียัดมาให้มากมายก่ายกอง แต่ใช้จริงไม่น่าจักเกินครึ่ง)

กล้อง

กล้องของ Mate 7 ถือว่าถ่ายภาพได้ดีในหลายบรรยากาศ แม้อาจจะไม่ได้ดีที่สุดก็ตาม ผมไม่ได้ชิงชัยโหมดภาพที่หลากหลาย (เช่นเคย มีท่วมท้นมากจนปวดหัว) เลยได้แต่ถ่ายภาพตามการตั้งค่าอัตโนมัติของเครื่องมา ซึ่งคุณภาพทั้งในที่ร่ม พร้อมทั้งที่กลางแจ้ง ถือว่าทำได้ดี ยกเว้นในที่มืดซึ่งมีการเบลอและการรบกวนอยู่พอสมควร
ซาลาเปาหิมะ
ไก่ย่างกระเทียม
เค้กช็อกโกแลต
หน้าร้าน
ข้าวหน้าแกงกะหรี่ไก่
แซลมอนรมควัน
Night
ฮะเก๋า
ไส้กรอกอิตาเลียน
Foucault's

สรุป

Front,
ผมยอมรับว่า Huawei Ascend Mate 7 ถือเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่น่าสนใจ พร้อมทั้งให้ความรู้สึกที่ดีมากในการจับ ตลอดจนถึงการใช้งาน ความบาง น้ำหนักของเครื่อง และกล้อง ถือเป็นสิ่งที่ทำได้ดีอย่างมาก หน้าจอก็คมชัด พร้อมทั้งตัวอ่านลายนิ้วมือที่ใช้งานได้ดีมาก ไม่ต้องจับรูดขึ้นรูดลงที่ปุ่มโฮมให้วุ่นวาย โดยภาพรวมถือว่าในเชิงฮาร์ดแวร์ Ascend Mate 7 ทำออกมาได้ดีมาก
จุดตายของ Ascend Mate 7 กลับไปตกอยู่ที่ซอฟต์แวร์ซึ่งเน้นการใส่แต่สิ่งที่ไม่จำเป็น อีกทั้งมีแนวคิดในเรื่องของการจัดการแอพพร้อมด้วยการวางหน้าจอซึ่งไม่เหมือนกับ สมาร์ทโฟนอื่นๆ ในท้องตลาด (อย่างน้อยที่สุดในฝั่งของ Android กระแสหลัก) ทำให้การใช้งานดูจักผิดแปลกไปจาก Android ที่คุ้นเคยมา ซึ่งถึงแม้ว่าหลายอย่างจะเป็นที่คุ้นเคย แต่กลับมีความแตกต่างอย่างมาก จนทำให้ผมรู้สึกว่าซอฟต์แวร์ที่มากับ Ascend Mate 7 นั้นเป็น ของใหม่ ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ มากกว่าจักใช้ความคุ้นเคยใน Android แบบเดิมได้
กล่าวโดยสรุปแล้ว Ascend Mate 7 ถือว่าทำได้ดีในฐานะสมาร์ทโฟนที่ดี แต่เรื่องของซอฟต์แวร์ที่ยังคงใส่ของที่ไม่ได้ใช้เข้ามาจำนวนมากจนเกินความ จำเป็น ยังเป็นปัญหาอยู่ ด้วยกันหวังว่า Huawei คงปรับปรุงในจุดนี้ให้ดีขึ้นในรุ่นหน้า อย่างน้อยที่สุดก็ในเชิงความอาจที่จักให้เปลี่ยน launcher เองได้ ถือว่าเป็นจุดขึ้นต้นต้นที่ดีแล้ว
ข้อดี
  • แบตเตอรี่อยู่นานมาก
  • ตัวอ่านลายนิ้วมือที่ใช้งานได้แท้จริง แม่นยำ
  • กล้องที่ใช้งานได้ดีในสถานการณ์ทั่วไป
  • วัสดุพร้อมด้วยตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ดีมาก จอใหญ่ คมชัด
ข้อเสีย
  • ซอฟต์แวร์ของเครื่องที่ใช้งานแล้วปวดหัวมาก เหมือนยังหาทางไปให้ตัวเองไม่เจอ แถมเปลี่ยน launcher ก็ไม่ได้
  • ใช้งานหนักมาก เครื่องจักร้อนจัด
  • GPS ไม่แม่นยำ (เล่น Ingress ไม่มันบนเครื่องนี้)
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> thaizones-hitech.blogspot.com

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ด่วนที่สุด!! กฎใหม่ตราบใดใครต้องการนำ Power Bank ขึ้นไปใช้บนอากาศนาวา


ตามที่ทาง บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) สอบถามแนวทางปฎิบัติครั้งตรวจพบว่ามีแบตเตอรี่สำรอง ในรูปแบบ Power Bank กรมการบินพลเรือน พิจารณาว่าด้วยตามกฎกระทรวง กำหนดว่าเป็นวัตถุอันตรายกับสัตว์ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานหรือว่าบุคคลที่อยู่ในอากาศยาน พ.ศ. 2550 ข้อ 4 (4)



ซึ่งแบตเตอรี่สำรอง  ในรูปแบบของ Power Bank เป็นวัตถุพร้อมกับสารที่ผู้เพราะสารไม่ก็เจ้าหน้าที่ได้ประจำอากาศยานเก่งพกพาไปกับอากาศยานได้เพราะนำติดตัวไม่ก็ใส่ไว้ในสัมภาระ

จึงสรุปได้ให้เป็นแนวทางปฎิบัติครั้นตรวจพบแบตเตอรี่สำรอง เพราะว่าไม่อนุญาตให้มีการนำแบตเตอรี่สำรองในรูปแบบ Power Bank ทุกชนิดที่ใช้ กับ มือถือ คอมพิวเตอร์ อื่นๆ ใส่ในกระเป๋าที่นำไปเช็คอิน ผู้โดยสาร หรือไม่ลูกเรือเก่งนำแบตเตอรี่สำรองไปใช้กับอากาศยาน



เพราะว่าพกพาใช่ไหมใส่ในกระเป๋าถือขึ้นอากาศยาน ไม่จำกัดจำนวนชิ้นได้ เพราะว่าต้องมีค่าความจุไฟฟ้าไม่เกิน 100Whหรือ 20,000mAh ผู้เพราะว่าสารหรือว่าทาง ลูกเรือ1คน อาจนำแบตเตอรี่สำรองไปใช้กับอากาศยานเพราะว่าพกพาหรือใส่ในกระเป๋าถือขึ้นไปบนอากาศยาน ที่มีค่าความจุไฟฟ้าระหว่าง 100-160 Wh ใช่ไหม 20,000-32,000 mAhได้คนละไม่เกิน2ชิ้น

ด้วยกันไม่อนุญาตให้ผู้เพราะสารหรือไม่ก็ลูกเรือนำเอาแบตเตอรี่สำรองที่ได้มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160Wh หรือว่า 32,000mAh ไปกับอากาศยานโดยพกพาหรือใส่กระเป๋าถือขึ้นไปบนอากาศยาน

ที่มา: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com/


วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

15 ข้อดี ที่ “ไอโฟน“ ทำได้ แต่.... คุณศักยจะอีกต่างหากไม่เคยชินรู้มาก่อน!!


วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ได้นำมาฝากสาวกของมือถือค่ายappleอย่าง iphone 15 ข้อ ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งบางข้อก็ต้องขอยอมรับเลยว่าไม่เคยได้ลองใช้แน่นอนๆ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง



1. เปลี่ยน Passcode เป็น ตัวอักษร แทนที่จักเป็น ตัวเลข ได้


1. Setting > General > Passcode Lock
2. ปิดการตั้งค่า Simple Passcode
3. แป้นพิมพ์ปรากฏให้เปลี่ยน Passcode หลังจากนั้นทุกครั้งที่ต้องการที่จักใส่ Passcode ก็จะมีแป้นตัวอักษรโผล่ขึ้นมาแทน
* มีเฉพาะ iPhone 5s เท่านั้น



2. ให้ Siri อ่านอีเมล์ให้ฟังก็ได้นะ

- กราบทูล Siri ด้วยคำสั่งที่ว่า Read my email นางก็จักอ่านร่ายยาวตั้งแต่ ชื่อคนส่ง เวลา กับเรื่อง จนถึงตัวอีเมลกันเลยทีเดียว
- แถมยังสั่งให้อ่านอีเมลที่ถูกส่งมาล่าสุด ด้วยคำสั่งว่า read my latest email หรือไม่ก็ต้องการถามว่ามีอีเมลของนาย A มั้ย? โดยถามด้วยคำสั่งที่ว่า Do I have email from A?

3. กี่ข้อความที่ส่งมา ดูเวลาได้หมด



- ตั้งแต่ IOS 7 ขึ้นไป / ใน massage แทบลากข้อความไปทางซ้าย ก็จักทำได้รับรู้เวลาที่มีคนส่งข้อความมาของทุกข้อความ

4. มีเครื่องบินกี่ลำบินอยู่เหนือหัวเราบ้าง

- งานนี้ Siri จัดให้ ลองสั่งเธอด้วยคำสั่งที่ว่า What flights are above me หรือ Planes overhead แล้วก็รอการประมวลผล 30 วินาที จักรู้ข้อมูลแบบชัวร์ๆ ได้ทันที

5. เขย่าเครื่องเบาๆ ก็ ลบข้อความ ได้

- พิมพ์ข้อความไปได้ยาวๆ แล้วต้องการที่จักลบ แค่ เขย่า เครื่องเบาๆ ก็จักมีปุ่มขึ้นมาให้เเลื่องลือก กดคำว่า Undo ข้อความทั้งหมดก็จะหายไป

แต่... ถ้ากด Undo แล้วเปลี่ยนใจหวังจักได้ข้อความกลับมาก็ เขย่า อีกครั้ง แล้วเเลื่องลือก Redo ข้อความเดิมก็จะกลับมา

6. ดูปฏิทินแบบลงรายละเอียดได้ด้วย

ข้อนี้หลายคนก็น่าจะรู้กันบ้างแล้ว เปิดปฏิทินขึ้นมาแล้วเอียงหน้าจอเป็นแนวขวาง ก็จักเห็นข้อมูลแบบละเอียดทั้งหมดที่เราได้บันทึกไว้

7. กด Double Click ที่ Shift เพื่อเปิด caps lock ได้

- จะพิมพ์ภาษาอังกฤษตัวใหญ่ไม่จำเป็นต้องกด Shift ทีละครั้งอีกต่อไป เข้าไปที่ Settings>General>Keyboard> เปิด Enable Caps Lock ตอนใช้งานแค่กด Shif 2 ครั้งติดกัน ก็เก่งพิมพ์ภาษาอังกฤษตัวใหญ่ทั้งหมดได้

8. แขวนภาพให้ตรงก็ใช้ไอโฟนวัดระดับ

- เปิดแอพฯ Compass ปาดหน้าจอไปทางซ้าย แค่นี้ก็วัดระดับแม่นๆ ได้โลด

9. ปิด in-app purchase ไม่ใช่หรือการซื้อของในแอพต่างๆ ทั้งหมดภายในปุ่มเดียว

- เรื่องนี้น่าจักมีประโยชน์เกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกๆที่ได้ไป ติดเกมในโทรศัพท์มือถือ ควรต้องจัดการป้องกันการจ่ายเงินซื้อแอพฯ อื้อแยะมากมาย

เพราะเข้าไปได้ที่ Setting > General > Restrictions, Enable Restrictions เลือเลื่องกไปที่ In-app purchases พร้อมด้วยกดปิดนั่นเอง

10. ถ่ายรูปช็อตรัวๆ ก็ทำได้
- กดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เป็นได้ที่จะถ่ายรูปได้หลายๆ ช็อต เท่าที่ต้องการ

11. มีเครื่องหมาย - ให้เเล่าลือกหลายขนาดนะ

- กด - ค้างไว้ จักมี - ให้เโจษกหลายขนาดตามต้องการ

12. ปุ่มปรับเสียงก็กดถ่ายภาพได้

- ข้อนี้ก็น่าจักมีหลายคนรู้แล้วเหมือนกัน คือกดปุ่มเพิ่ม-ลด เสียง แทนชัตเตอร์ ได้ ถูกใจคนชอบเซลฟี่เลยละสิ....

13. ปุ่มปรับเสียงที่หูฟังก็กดถ่ายภาพได้เช่นกันนะ

- เหมือนข้อ 12 เลย แต่ใช้กับหูฟัง

14. ปรับการเตือนแบบสั่น ได้ตามใจ

- ใน Contact คุณอาจตั้งเตือนการสั่นแบบต่างๆ ได้ เป็นรายบุคคลเลย เช่น ตราบเวลาโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า คุณจะรอบรู้รู้ได้ทันทีว่าสั่นกี่ครั้งใครเป็นคนส่งข้อความ ไม่ก็อีเมลมา

15. Airplane Mode ช่วยให้แบตเต็มเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า ว้าวววว

- เวลาแบตหมดลองเปิด Airplane Mode ก่อนชาร์ต ช่วยให้แบตเต็มเร็วขึ้นถึง 2 เท่าเลยนะ ไม่เชื่อต้องลอง

ที่มา:http://hitech.sanook.com/1392993/

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

25 ชั้น Anti Virus ที่สะอาดที่สุดในโลก ประจำปี 2014-2015

คงเป็นคำถามคาใจใครหลายๆถึง Anti Virus ที่ดีที่สุด ว่าสรุปแล้วโปรแกรมแอนตี้ไวรัสควรที่จักใช้ตัวไหน หรือว่าว่าเราควรใช้อันไหนดีจักดีที่สุด
ซึ่งในวันนี้ทางหมู่งานก็ไปเจอการจัดอันดับมาจากเว็บไซด์ชื่อดังอย่าง Top Ten Reviews ที่ได้จัดอันดับ Anti Virus ยี่ห้อต่างๆ เอาไว้รวมกันมากถึง 25 อันดับ ด้วยกันครับ
โดยการจัดอันดับนั้นก็ไม่ใช่วัดจากความชอบแต่อย่างใด แต่เค้าวัดด้วยคะแนนในด้านต่างๆ เช่นฟีเจอร์ที่ Anti Virus นั้นรองรับว่าครบถ้วนไม่ใช่หรือไม่อย่างไร , วัดจากระดับการป้องกันว่าครอบคลุมมากแค่ไหน , วัดจากประสิทธิภาพของตัวโปรแกรมเองว่าใช้งานได้ดีไม่ใช่หรือไม่และกินทรัพยากรของเครื่องหรือไม่ก็เปล่า , วัดจากความสะดวกในการใช้งานเช่น ผู้ใช้อาจใช้งานได้ง่ายๆ หรือเข้าใจหรือว่าเปล่า
รวมไปถึงวัดจากบริการหลังการขายเช่นถ้าเกิดตัวซอฟแวร์มีปัญหาเหรอเครื่องเรามีปัญหาจะมีใครคอยช่วย Support เหรอไม่เป็นต้นครับ ซึ่งกลุ่มงานจักไม่พูดถึงรายละเอียดเรื่องนั้น
ทั้งนี้เพราะค่อนข้างยาวแต่ใครที่สนใจก็รอบรู้ไปอ่านได้ที่ แต่ที่จะพูดถึงเลยก็คืออันดับที่ถูกจัดเอาไว้ครับ ซึ่ง Anti Virus ตัวไหนจะได้อันดับ 1-25 ไปดูกันเลย
25 อันดับ Anti Virus ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2014-2015
25. AVG Antivirus
24. ViRobot Desktop
23. CyberDefender Early Detection Center
22. ParetoLogic XoftSpy AntiVirus Pro
21. F-Prot Antivirus
20. Total Defense Anti-Virus
19. TrustPort Antivirus
18. Lavasoft Ad-Aware Pro
17. VIPRE Antivirus
16. Norman Antivirus
15. Webroot Secure Anywhere Antivirus
14. Avast! Pro Antiviru
13. F-Secure Anti-Virus
12. Panda Antivirus Pro
11. ESET NOD32 Antivirus
10. G Data AntiVirus
9. ZoneAlarm Antivirus + Firewall
8. eScan Anti-Virus
7. BullGuard Antivirus
6. Avira Antivirus Premium
5. Trend Micro Titanium Antivirus
4. Norton AntiVirus
3.McAfee AntiVirus Plus
2. Kaspersky Anti-Virus
1. Bitdefender Antivirus Plus
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับทั้ง 25 อันดับข้างต้น คุ้นหูกันมากๆเลยใช่ไหมละครับ ซึ่งผมเองก็จอเสริมอีกซักเล็กน้อยเพราะว่าคนที่อยากได้มุ่งหมาย Anti Virus ดีๆ ขอให้ซื้อของแท้นะครับ เพราะ Anti Virus ของแท้จักมีการอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสอยู่เสมอทำให้สารถจัดการได้อย่างทันท่วงทีครับ
ไม่ก็ถ้าใครใช้ Windows 8.1 แท้อยู่ ตัว Windows Defender ก็นับว่าเก่งช่วยป้องกันไวรัสได้ระดับนึงเลยนะครับ(ถ้าไม่เข้าเว็บมั่วๆ ดาวน์โหลกไฟล์มั่วๆ) แต่เอาเป็นว่าถ้าใครไม่มีเงินลองหา Anti Virus ฟรีๆอย่าง Avira ร่มแดงมาใช้ชั่วคราวไปก่อนก็ได้นะครับ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com

ปรากฎการณ์ “เหนียวไก่หาย” และ “ไลล่า” ที่ไม่น่าเป็นกังวล

ปรากฎการณ์ “เหนียวไก่หาย” พร้อมกับ “ไลล่า” ที่ไม่น่าเป็นห่วง
มีผู้เป็นห่วง ไลล่า สาวน้อยวัย 15 ปีแห่งจังหวัดสตูลผู้โด่งดังจากคลิป เหนี่ยวไก่หาย ซึ่งมียอดแชร์ทะลุแสนเช่นชั่วข้ามคืน ว่าเธอจักรับมือกับความดังไม่ไหว กับบ้างก็บ่นว่าความตื่นเต้นเรื่องคลิปนี้ของคนไทยสะท้อนความห่วยของสังคมไทยพร้อมกับโดยเฉพาะสื่อไทย
เห็นด้วยเฉพาะเรื่องสื่อไทยในแง่ที่ว่าดูเหมือนไม่เคยทุ่มเทความอาจทำข่าวเจาะลึกที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างนี้เลยแต่กับข่าวนี้นั้นหลายสำนักแทบจักระดมทุกสรรพกำลังไปตามล่าหาตัว ไลล่า แล้วแข่งกันเสนอข่าวราวกับไม่มีเรื่องอื่นใดในโลกสำคัญกว่าไลล่ากับเหนียวไก่ของเธอ
ความสุทธิการเสนอข่าว เหนียวไก่และไลล่า ของสื่อนั้นไม่ผิด ยิ่งในแง่ คุณค่าข่าว ยิ่งไม่ผิด เนื่องแต่ข่าวนี้เป็น a human interest story หรือไม่ก็เป็นเรื่องราวที่อยู่ในความสนใจของผู้คนร่วมสังคม การฟันธงว่าข่าวนี้ไม่มีคุณค่าเลยจึงอาจเข้าข่าย มากมายไปหน่อย ในด้านของความพยายามจะอยู่ในโลกแห่งความ ดีงาม เชื่อว่าทุกอย่างต้องแท้จริงจัง หนักแน่น มีประโยชน์
คุณค่า ไม่จำเป็นต้องแปลว่า เอื้อประโยชน์สูงสุดต่อสังคม เสมอไป ความสนใจใดๆของปัจเจกย่อมมี คุณค่า ต่อปัจเจกผู้นั้น กับการยอมรับรวมถึงเคารพความสนใจอันแตกต่างหลากหลายของมนุษย์ที่เป็นเพื่อนร่วมสังคมกับเราแม้เราจักไม่เห็นว่ามันน่าสนใจเลยถือเป็นคุณค่า อย่างหนึ่ง
ข้ออ่อนด้อนของสื่อไทยที่ควรต้องพิจารณาตนเอง จึงเป็นเรื่องความคิดกับความทำได้ในการนำเสนอข่าวสารต่างๆ มากกว่า
สิ่งที่สื่อไทยควรคิดพร้อมด้วยทบทวนก็คือ ทุกวันนี้ได้ทำงานในบทบาทสื่ออย่างเต็มที่แล้วเหรอยัง ได้ทุ่มเทความรอบรู้ในการคิดค้นสืบหาความแน่ๆต่างๆ ที่สังคมควรรับรู้มานำเสนอหรือไม่ก็ยัง ตระหนักหรือว่าไม่ว่ามีข่าวอะไรบ้างที่ควรต้องติดตามสืบค้นข้อมูลมาทำเป็นข่าว หรือว่าทำเป็นแต่ข่าวชนิด human interest ซึ่งก็ไปได้ไม่ไกลว่าความสนใจระดับผิวเผิน วูบวาบ ไม่อาจจะเข้าถึง เบื้องหลัง ปรากฏการณ์ตามที่เป็นจริง
น่าคิดเหมือนกันว่า ทั้งๆ ที่สื่อสำนักต่างๆ แข่งกันทำข่าวไลล่า เราๆท่านๆ ที่ติดตามข่าวก็ไม่ยักได้ข้อมูลที่พอจะหมายได้อย่างชัดเจนว่า ไลล่ามีชีวิตอย่างไร แบบไหน ก็เพราะว่าตามคลิปและตามคำให้สัมภาษณ์ซึ่งอ้างเพราะหนังสือพิมพ์บางฉบับ ครั้นเมื่อ เหนียวไก่ หายไป เธอก็ไปขอเงินแม่มาซื้อใหม่ กับเธอมีเงินอยู่ในกระเป๋า ไม่ใคร่อิโม้
ส่วนหนังสือพิมพ์บางฉบับอ้างคำให้สัมภาษณ์ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลว่าเธอยากจนอยู่กับยายต้องลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้น ม.2 มารับจ้างรีดผ้า ดูแลยายพร้อมกับเรียนการศึกษานอกโรงเรียนไปด้วย
ด้านหนึ่ง สื่อ และผู้คนที่มีสถานภาพค่อนข้างดีในสังคม มักมองเห็นเด็กๆ ในสื่อที่ไม่ได้มาจากตระกูลดังใช่ไหมตระกูลนักธุรกิจ เป็นเด็กยากจนกับ เหยื่อ ผู้เผชิญอุปสรรคมากมายในชีวิตให้ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหระบือ แต่ในหลายๆ กรณี นั่นคือภาพลวงตาที่ไม่ใกล้เคียงความแท้
ไลล่าในคลิปไม่ใช่เหยื่อ ถ้าเชื่อคำให้สัมภาษณ์ของเธอจากสำนักข่าวอีกแห่งหนึ่งก็คือ เธอเจ็บใจที่ เหนียวไก่ หาย เธอจึงทำคลิปลงเฟสบุ๊คของเธอเอง กับทันทีที่ให้แม่ดู แม่ก็ขำ ใครๆ ก็ขำ แต่เธอตกใจบ้างที่มันกลายเป็นข่าวดัง เพราะว่าเธอไม่ได้ปรารถนาดัง
ทั้งหมดที่เธอทำลงไปในคลิป คือบ่นและต่อว่าใครก็ตามที่ขโมยเหนียวไก่ที่เธอตั้งใจซื้อมากินให้สบายใจ เป็นแน่แท้ๆแล้วเธอเป็น ฝ่ายกระทำ เพื่อตอบโต้ใครก็ตามที่ขโมยเหนียวไก่ เธอไม่ได้ทำคลิปด้วยความรู้สึกเก็บกดไม่มีทางต่อสู้ แต่เธอกำลังต่อสู้ด้วยการบ่นพร้อมกับสบถในคลิปเพื่อระบายความโกรธออกมาดังๆ ซึ่งด้านหนึ่งเป็นชัยชนะของเธอ
นั่นคือ ใครก็ตามที่ขโมยเหนียวไก่ไปกำลัง เสียเปรียบ เพราะว่าถูกประจานต่อสาธารณะ แม้ไลล่าจักยังไม่ทำเป็นรู้ได้ว่าใครก็ตามนั้นคือใคร แต่การที่ไลล่าได้ด่าว่าหัวขโมย ย่อมถือว่าได้ตอบโต้หัวขโมยแล้ว อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง
น่าสนใจว่าเหตุใดผู้คนจึงชอบคลิปของเธอแม้เธอจะสบถ? เหตุใดคำสบถของเธอ จึงมิได้ทำให้คนอื่นๆ จำนวนมากที่ได้ยิน ฟังแล้วรู้สึกหยาบคาย?
แน่นอนว่ามีคนตกใจและรังเกียจคำสบถของเธอถึงขั้นเอามือปิดปากด้วยความตกใจว่าเธอช่างหยาบคายแท้แต่คนกลุ่มหลังนี้ซึ่งดูเหมือนจะมาจากกลุ่มคนชั้นกลางในเมืองเพราะเฉพาะเมืองบางกอกผู้ปรารถนาแทบโลกแห่งความดีพร้อมอาจหลงลืมชีวิตปกติของสามัญชน ไม่เช่นนั้นก็เติบโตขึ้นมาในโลกสวยจนไม่รู้จักชีวิต
คำตอบของคำถามข้างบนนั้นอยู่ที่บริบทพร้อมด้วยสถานะของคำสบถ
ไลล่ามิได้กำลังด่ากราดเอาเป็นเอาตายหรือประกาศจักเข่นฆ่าใครให้ตายเหมือนหลายๆคลิปที่มีผู้สบถออกอากาศแช่งชักหักกระดูกเหรอขู่ฆ่าคนคิดต่าง แต่เธอกำลังบ่นไปสบถไป ด้วยความขุ่นเคืองปกติในชีวิตปกติของชาวบ้าน
การบ่นของเธอเป็นเรื่อง ขำๆด้วยกันน่ารัก เพราะด้วยผู้ได้รับฟังคนอื่นๆ ซึ่งมิใช่ขำว่าคนบ่น ด้อยกว่า ตลกกว่า เหมือนคนไทยจำนวนมากชอบขำ (อย่างที่ไม่ควรขำ) กับมุกภาษา แตกต่างที่ตลก ของเพื่อนบ้านต่างชาติ กรณีนี้ขำก็เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การขโมยปกติที่ จริงๆจัง พร้อมทั้ง เสียหาย อย่างสุทธิจัง มันไม่ใช่การขโมยรถ ไม่ใช่การขโมยเงิน ถ้าเป็นการขโมยข้าวเหนียวไก่ ซึ่งมีราคาเหมือน 30 บาท
กรณีนี้ขำก็เพราะว่าหน้าตาพร้อมกับเสียงบ่นของไลล่าที่ได้อารมณ์หงุดหงิดแบบคนเจ็บใจว่าอุตส่าห์ซื้อเหนียวไก่มากินมาแล้วอดกิน
ที่สำคัญคือภาษากลางสำเนียงใต้ที่เรียกกันว่า ทองแดงพร้อมทั้งอารมณ์บ่น ของไลล่า ซึ่งต่างจากการ ด่าอย่างเหี้ยมเกรียม มุ่งร้ายหมายชีวิต ทำให้คำสบถ เหยดแหม่ กลายเป็นคำขำๆ ที่ลดทอนความรู้สึก ด่าแม่ อย่างแน่แท้จัง ให้เป็นความรู้สึกธรรมดาๆ เหตุด้วยสร้อยคำอย่างธรรมดาที่คนใต้จำนวนมากใช้กันอยู่ในชีวิตปกติ
ไลล่ารู้ตัวว่าคำสบถของเธอหยาบคายเหตุด้วยคนทั่วไปในการให้สัมภาษณ์ที่เปิดปากแพร่ทางคลิป เธอขอโทษที่พูดคำหยาบพร้อมกับทำนูลว่าไม่คิดว่าคลิปจะเผยแพร่ไปมากขนาดนี้
เราไม่อาจรู้ได้ว่าไลล่าเติบโตมาอย่างไรแต่จากคลิปเหนียวไก่หายและคลิปคำให้สัมภาษณ์ของเธอภายหลัง รวมทั้งจากข่าวต่างๆ ที่พอประมวลมาได้ น่าเชื่อว่าเธอเป็นเด็กสาวที่มีสติสัมปชัญญะด้วยกันมีความรับผิดชอบ เธอมิได้แสดงตัวเป็นคนดัง เท่าที่มีผู้ไปขอถ่ายรูปขณะเธอกำลังทำงานที่ร้านขายไก่ เธอก็ย้ำเตือนชัดเจนว่าเธอขอทำงานก่อน
นอกจากนั้น เธอยังมีญาติผู้ใหญ่ที่จักคอยดูแลในกรณีที่มีข่าวว่าจะมีบริษัทมือถือไปติดต่อขอให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา
ในฐานะคนปักษ์ใต้คนหนึ่งผู้เขียนเห็นว่าสังคมปักษ์ใต้โดยทั่วไปยังคงมีความเข้มแข็งของสังคมเครือญาติ คนในครอบครัวยังดูแลกันและกันเสมอ
ปรากฏการณ์ เหนียวไก่หาย ไม่ได้ทำให้ไลล่าน่าเป็นห่วง และไม่ได้ทำให้สังคมไทยเสื่อมทราบลงด้วยคำสบถ เหยดแหม่ ที่คนจำนวนมากพูดกันอยู่แล้วในชีวิตประจำวันเพราะไม่มีนัยถึงการ ด่าแม่
ที่น่าห่วงกว่ากลับเป็นสติของคนทำสื่อพร้อมทั้งเราๆ ท่านๆ ในการเต้นตามข่าว รวมถึงบรรดาผู้โหนกระแสไลล่าที่ตามเกาะไลล่าราวกับตัวเห็บ
ถ้าหากต้องการโหนกระแสกันจริงๆๆน่าจักช่วยกันตามหาว่าเหตุใดจึงมีการขโมยเกิดขึ้นได้ต่อหน้าต่อตาหน้าร้านเซเว่นอิเลฟเว่นกลางเมืองสตูล เหมือนข้าวเหนียวไก่ยังขโมยกันได้แล้วชีวิตจะปลอดภัยไม่ก็
ความสนใจตามกระแสเป็นเรื่องปกติ มิใช่ความผิดใช่ไหมน่าอับอาย แต่สมมุติรู้จักพ่างตามกระแสจนไม่เคยมองเห็นเรื่องราวใดๆ ด้วยตัวเองเลย ได้แต่วิ่งตามแห่ไปเรื่อยๆ นั้น ถือเป็นการบ่อนทำลายความศักยของสมองชนิดหนึ่ง

ที่มา: http://thaizones-hitech.blogspot.com/2014/11/blog-post_17.html

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความชำนาญอาทิตย์แรกของผมกับ “iPhone 6”

ภายหลังวางขายในไทยเป็นวันแรก ครั้นวันที่ 31 ต.ค.ที่ตัดผ่านมา เชื่อว่าเหล่าสาวก  คงไม่พลาด ไปเข้าแถวรอถอยเจ้า iPhone 6 หรือ iPhone 6 plus มาครอบครองในมือกันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ?
เรื่องรีวิวรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ หลายท่านอาจจักได้อ่าน หรือไม่เสพพ้นตาจากหลากหลายแหล่งข้อมูลมาแล้วไม่มากก็น้อย แต่เชื่อว่าช่วงนี้ น่าจักยังมีเหล่า แอปเปิ้ลนิยม อีก หลายท่าน ที่กำลังคิดอยู่ว่า
เอ๊ะ! ฉันจะซื้อดีมั้ยหนอ? พร้อมๆกับมองไปยังไอโฟน 4, 4s, 5 ไม่ก็ 5s ที่อยู่ในมือคราวนี้

ส่วนของดีไซน์ด้านหน้าตัวเครื่อง 
ในฐานะที่ผมก็เป็นหนึ่งใน ผู้จงรักภักดี กับแบรนด์นี้มาพอสมควร ล่าสุดก็เพิ่ง ปลงเจ้า 5s ไปจากอ้อมอก เพื่อฉกเจ้า 6 มาแทนที่
ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ เอิ้นเล่าเก้าสิบประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตอยู่กับ เจ้า iPhone 6 สีทอง 64 GB มาเป็นระยะเวลานานเกือบสัปดาห์เต็มๆ (เหมือนนานมากเนอะ ฮ่าๆ) โดยจักขอใช้ iPhone 5s คนรักเก่าของผม เป็นบรรทัดฐานในการเปรียบเทียบ เผื่อจะช่วยใครที่ยังลังเลอยู่ ตัดสินใจได้ว่าสรุปแล้ว ซื้อดีมั้ยว้า?!
- น้ำหนักมากไปป่ะ?
ตามข้อมูลที่แอปเปิ้ลระบุมาว่า 6 จัก หนักกว่า 5s อยู่ 17 กรัม (129 กับ 112 ตามลำดับ) สร้างความคลางแคลงใจแก่สาวกอยู่ไม่น้อย จนหลายๆคน รวมถึงผมเองก็กังวลว่า เห้ย! แบบใหม่กว่า ทำไมไม่พัฒนาให้เบาลง น้ำหนักมากกว่าเดิมได้ไงฟระ?
ตัวเครื่องด้านขวา
ตัวเครื่องด้านซ้าย
คราวได้ลองถือดูแล้วมัน ไม่ต่าง คือต้องเตือนว่าเจ้า 6 นี่มันไม่ได้หนักอะไรเลย เท่าที่ลองเทียบกับ 5s แล้ว คนทั่วไปนี่แยกไม่ออกแน่ๆว่า 17 กรัมที่ว่า มันแตกต่างกันยังไง?
สรุปง่ายๆตามความเข้าใจของผมเองนะครับ คือเจ้า 6 เนี่ยมันไม่หนักหรอก เจ้า 5s ต่างสมมุติที่ออกมาครองโลกก่อน แต่ดันเบาเกิ๊น!
- ดีไซน์ตัวเครื่องใหญ่ไปมั้ย?
ข้อนี้ต้องเรียนตามตรงว่า สัมผัสแรก ณ ที่ร้าน ตอนหยิบขึ้นมานี่รู้สึกเลยว่า ใหญ่จังฟระ! แต่พอได้จับๆ ลูบๆคลำๆ จนตั้งต้นชิน กลับรู้สึกว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่มือตัวเองรับไหว(ผมสูง 180 ซม. แต่ขนาดมือ ไม่ถือว่าใหญ่มาก ถ้าเทียบกับผู้ชายที่รูปร่างใกล้เคียงกัน)
ส่วน 6plus ที่วางอยู่ใกล้ๆกัน สัมผัสแรกที่หยิบขึ้นมา ผมนี่.. ถึงกับวางคืนที่เดิมเลยครับ!! ไอ้นี่แหละใหญ่เกินไปของแท้!
นำเครื่อง iPhone4s iPhone5s พร้อมกับ iPhone6 มาเปรียบเทียบหน้า
นำเครื่อง iPhone 4s iPhone 5s กับ iPhone 6 มาเปรียบเทียบด้านข้าง
นำเครื่อง iPhone4s iPhone5s พร้อมกับ iPhone6 มาเปรียบเทียบด้านบน
ปุ่ม Home ที่เคยอยู่มุมขวาบน ถูกเปลี่ยนมาอยู่ด้านข้างขวาแทน ซึ่งตรงจุดนี้ผมมองว่าเจ๋งมาก ก็เพราะว่าถ้าผมใช้มือซ้ายจับเครื่อง ตำแหน่งมันจะอยู่ตรงนิ้วชี้(ไม่ใช่หรือนิ้วกลางก็ได้)พอดิบพอดี
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้มือขวา นิ้วโป้งก็พร้อมจะกดได้พอดีเป๊ะเช่นกัน พร้อมทั้งอีกเหตุผลที่กล่าวว่า ใหญ่ในระดับพอรับได้ก็คือ มันยังยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหน้าได้ ชนิดที่ไม่โผล่หัวแหลมเกินออกมา ให้เสี่ยงหล่นหรือว่าหายนั่นเองครับ
- หน้าจอเป็นไง?
ดีทีเดียวครับ! ขนาด 4.7 นิ้ว ของ 6 ให้ความรู้สึกการมองที่แตกต่างมากๆจากหน้าจอ 4 นิ้วของ 5s ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เวลาที่เราดูไฟล์วิดีโอไม่ใช่หรือเล่นเกมต่างๆ มันเก็บภาพได้มากขึ้น
ทำให้เราไม่ต้องเพ่งมากมายก่ายกอง จักสร้างแลนด์มาร์ค หรือไม่ก็จักแชทไลน์ รู้สึกได้เลยว่า ฟิน มากขึ้นสุทธิๆครับ คอนเฟิร์ม!
ด้านหน้าตัวเครื่อง
ด้านความละเอียดหน้าจอที่มากขึ้นจาก 1136x640 พิกเซล เป็น 1334x750 พิกเซล และจอรุ่นเก่าจาก Retina display เป็น Retina HD display ประสิทธิภาพดีขึ้นชัดเจนครับ
ส่วนฟังก์ชั่น Reachability ที่เพิ่มเข้ามา ด้วยการแตะที่ปุ่มสแกนนิ้วสองครั้ง เพื่อเลื่อนหน้าจอลงมาให้กดง่ายขึ้น กรณีที่นิ้วแตะไม่ถึงไอคอนแถวบน ก็ช่วยได้เพียบ ใช้งานได้มีประสิทธิภาพดีเลยทีเดียว
- กล้องชัดมั้ย?
แม้ว่าจำนวนพิกเซลจะยังคงยืนหยัดอยู่ที่กล้องหลัง 8MP พร้อมด้วยกล้องหน้า 1.2 MP เท่ากัน แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นคือ New Sensor ระบบ Autofocus แบบ Focus Pixel ซึ่งช่วยในการเกลี่ยแสงของภาพให้ดีขึ้น แถมยังเพิ่มขนาดของรูรับแสง
ทำให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น พร้อมกับมี Noise น้อยลงในกล้องหน้าครับ เซลฟี่กันสนุกกว่าเดิมล่ะงานนี้!
ด้านหลังตัวเครื่อง
ส่วนวิดีโอ ก็มีโหมด Slo-mo แบบ 240 fps เพิ่มขึ้นมา เรียกบ้านๆก็คือ มันถ่ายสโลว์ได้ช้ากว่าเดิมอีก ส่วนโหมด Time-lapse ที่เหมาะเพราะว่าถ่ายวิดีโอในเวลานานๆ ก็น่าสนใจครับ ถือเป็นลูกเล่นใหม่ของ iOS8 ได้เลย
ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายกันครับ
- การทำงานของเครื่องเป็นไง?
ด้วยชิป A8 ที่พัฒนาขึ้น ตรงจุดนี้ก็มีข้อแตกต่างที่ดีกว่า A7 อยู่ไม่น้อยครับ จากการทดลองเปิดแอพพลิเคชั่นต่างๆ แม้เครื่องจะทำงานหนัก แต่ก็ดูไหลลื่น ไม่กระตุกติดขัด พร้อมทั้งภาวะ แอพเด้ง ก็ไม่มีให้เห็นเลย
ยังรวมไปถึงการเรียกข้อมูลในเครื่อง, การประมวลผลรูปภาพในบราวเซอร์ขณะท่องเว็บไซต์ก็ให้ความรู้สึกลื่นไหล เรียกง่ายๆแบบบ้านๆก็คือ ดูมัน ฉลาดขึ้นกว่าเดิม นั่นเองครับ เป็นพรรค์ถามปุ๊บตอบปั๊บ ตอบสนองได้ทันที ไม่มีอิดออด แต่ถ้ากรณีรับปากณอินเตอร์เน็ทเหรอไวไฟช้าเอง นั่นก็อีกเรื่องนึงนะจ๊ะ!
- แบตเตอรี่อึดขึ้นป่าว?
ถ้าตามข้อมูลที่แอปเปิ้ลแจ้งมา เขาระบุว่าจักอยู่ได้นานขึ้นกว่า 5s ราว 20% ซึ่งว่าตามตรงก็ถือว่าไม่มากนัก แต่ถ้าเทียบกับไลฟ์สไตล์ของผมกับเจ้ารุ่นเดิม ออกจากบ้านมาทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า แบตเตอรี่เต็ม 100% เล่นแอพไม่ก็โทรเข้าออกตามปกติ ก็อยู่ได้ยันเลิกงาน 5 โมงเย็นครับ เหเลื่อง 20-30%
แต่เกี่ยวกับเจ้า 6 นี่ จากการทดลอง ด้วยลักษณะการใช้งานระยะเวลาพอๆกัน ตั้งแต่เช้าอยู่ได้จนถึงก่อนนอน 4-5 ทุ่มก็ยังไหวครับ 20-30% มีเหละบือแน่ๆ พร้อมทั้งถ้าไม่แตะเลย ปลดเปลื้องทิ้งไว้ทั้งคืน ยันเช้าของวันรุ่งขึ้น แบตก็แทบไม่ลดเลย มากสุดก็แค่ 2-3% เท่านั้นที่หายไป
อย่างไรก็ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยนะครับ ถ้าเล่นเกมที่ความละเอียดสูงมากๆ ไม่ก็ใช้งานติดต่อกันเป็นชั่วโมงๆ ไม่ทันถึงเลิกงาน แบตคุณก็หมดอยู่ดีแหละ!
สรุปว่าประสบการณ์ใหม่ของผมกับเจ้า iPhone6 ในระยะเวลาอาทิตย์แรก ถ้าจักถามว่า ใช้ 5s อยู่ สมควรเปลี่ยนใหม่มั้ย?
ในฐานะคนที่เคยใช้ 5s มาก่อนเหมือนกัน ผมแจ้งให้ทราบได้เลยครับว่า..
ไม่ว่าจักใช้ 5s เหรอรุ่นไหนก็ตาม ถ้าจักซื้อ 6 มาใช้ รับรองไม่ผิดหวัง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ดีกว่าเดิมทุกอย่าง ถ้าจักมีจุดด้อยกว่าก็คงเป็นเรื่องเดียวคือ ความถนัดในการจับถือ นอกนั้นจุดเด่นของ 6 กลบ 5s มิดเลยครับ
ส่วน 6plus ขออนุญาตไม่พูดถึงนะครับ เพราะว่ายังไม่มีประสบการณ์กินนอนอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าจะจำกัดความสั้นๆก็น่าจักได้ว่าiPhone6plus ไม่น่าจักใช่ไอโฟนที่เหมาะด้วยว่าทุกคน
ก็อย่างที่เปรยตอนต้นล่ะครับ มันใหญ่เกินไปเป็นแน่แท้ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ลมหายใจแผ่วๆที่เริ่มหายไป ของ iPhone 4 ในช่วงเวลา iPhone 6

ลมหายใจแผ่วๆที่ตั้งต้นหายไป ของ iPhone 4 ในยุค iPhone 6



เข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงไปของ เทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นไปสู่อีกระดับ การมาของ iPhone 6 สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสาวกสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังอย่าง Apple เป็นอย่างมาก ทั้งลูกเล่น ระบบการทำงาน หรือฟีเจอร์ใหม่ๆที่เพิ่มขึ้น กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอย



แต่ท่ามกลางความตื่นเต้นครั้งนี้นั้น ยังคงจักมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ร่วม iPhone รุ่นก่อนๆ จัดอยู่ในพวก สมาร์ทโฟนตกรุ่น พวกเขาเลือกไม่ทำตามกระแส บางคนก็ยังใช้ iPhone 5 เพราะยังทำหน้าที่ได้ดีและไม่ค่อยมีปัญหาให้กลุ้มใจเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ

พร้อมทั้งบางคนก็ยังใช้คง iPhone 4 แม้ว่าชีวิตจักต้องช้าลงไปตามกาลเวลาที่ใช้งาน สวนทางกับแนวการพัฒนาที่ยิ่งขึ้นของระบบสมาร์ทโฟนแบบใหม่ๆ นี่คือชีวิตปัจจุบันของคนที่ยังคงครอบครองมือถือสมาร์ทโฟน iPhone 4 ออริจินัล (ไม่ใช่รุ่น S) ซึ่งย้อนกลับไปจนกระทั่งปี 2010 เคยเป็นปรากฏการณ์ กลายเป็นจุดตั้งต้นต้นของโซเชียลมีเดียชื่อดังต่างๆ ในยุคปัจจุบัน

ด้วยว่าคนที่ใช้ iPhone 4 อยู่ในวันนี้ แม้ว่าเรื่องรูปร่างลักษณะจะสั้นกว่า iPhone 5 ใช่ไหมไม่ผอมเพรียวเหมือน iPhone 6 แต่ iPhone 4 ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นมือถือสมาร์ทโฟนได้คงทน หลังจาก 4 ปีของการโหมโรงอย่างยิ่งใหญ่

ณ ทันทีผู้ใช้ iPhone 4 เร่ำลือกที่จะหยุดการอัพเดทระบบปฏิบัติการ iOS รุ่นใหม่ เพราะว่าด้วยสัญชาตญาณที่รู้ถึงขีดจำกัดพร้อมทั้งอายุการใช้งานของโทรศัพท์ตัวเอง ทำให้ iOS 6 คือระบบปฏิบัติการหลักที่คนยังใช้ iPhone 4 ยังเเอิกเกริกกใช้อยู่ ต่างว่าใครพลาดอัพเดทใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 7 ไปแล้ว คงทำได้แค่ต้อง...ทำใจ

หนึ่งในปัญหาหลักของ iPhone 4 ในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นเรื่องระบบการทำงานที่ช้าลง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามระยะการใช้งาน กับขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา คราวฟีเจอร์หรือไม่แอปพลิเคชั่นต่างๆ ในยุคที่เโจษจันกจักรองรับสมาร์ทโฟนรุ่นปัจจุบันมากกว่า ทำให้ต้องใช้ระบบความจำที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลต่อระบบการทำงานของเครื่อง iPhone 4

หลายคนก็เคยเกิดปัญหานี้ เปิดระบบกล้องกล้องถ่ายรูปได้เชื่องช้า ไม่ทันสถานการณ์ กดดูภาพจากแกลอรี่ต้องรอนานเกินไป หน้าจอค้างตอนจะถ่ายภาพ ไม่ใช่หรือ กดชัตเตอร์ถ่ายภาพแล้วเด้งหลุด นี่เป็นปัญหายิบย่อยที่อยู่คู่กับคนใช้ iPhone 4

บางครั้งเครื่องโทรศัพท์ก็เปิดที่บังตาแสดงอาการเบลอๆ กดรับสายโทรเข้าอย่างไม่ลื่นไหล มีปัญหาหน้าจอค้างบ่อยๆ ซึ่งที่แท้ก็ก็เพราะว่าความช้าของเครื่องเท่านั้น (จากกรณีตัวอย่างดังกล่าวนี้หมายถึง iPhone 4 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วสัก 2-3 ปี)



ถึงเวลานี้จักพบข้อเสียมากมายแยะ แต่เจ้า iPhone 4 ก็ยังทำหน้าที่เป็นสมาร์ทโฟนได้ดีอยู่ในระดับหนึ่ง แม้ว่าคุณค่าพร้อมด้วยค่าจะลดลงกระบุงโกยไปตามกาลเวลา จากในอดีตเคยโหมโรงด้วยราคามือถือที่หวือหวาราวๆ 24,xxx บาท แต่ปัจจุบัน iPhone 4 อาจจักมีราคารับซื้อแค่ไม่ถึง 4,xxx บาท ด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตผู้ใช้ที่ยังใช้สมาร์ทโฟนรุ่นก่อน อาจจะต้องปรับเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนรุ่นปัจจุบันด้วยกันเข้ากับยุคระยะเวลา เพราะสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ถูกพัฒนาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นเหมือนวัตถุ มีจุดริเริ่มต้นพร้อมทั้งจุดสิ้นสุด ครั้นทุกอย่างหยุดนิ่ง ไม่มีการพัฒนาต่อ ก็ถึงเวลาที่ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าเทคโนโลยีกำลังนำหน้าเราอยู่ ทั้งที่เราควรจักนำทางให้เทคโนโลยีมากกว่า...?

ที่มา:http://hitech.sanook.com/1392655

ติดตามข่าวไอโฟน ไอโฟน 6 หรือว่าข่าวไอทีอื่นๆ ได้ที่ : http://thaizones-hitech.blogspot.com/